เห็ดหลินจือ คือ อะไร ?
เห็ดหลินจือ หรือเห็ดหมื่นปี หลายคนอาจส่งสัยว่า เห็ดหลินจือดีอย่างไร เห็ดหลินจือ จัดเป็นเห็ดที่มีความสำคัญชนิดหนึ่ง ซึ่งมีสรรพคุณทางด้านเภสัชหรือเป็นยาบำรุงเพื่อสุขภาพ เห็ดชนิดนี้สามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย แต่ชาวบ้านทั่วไปจะรู้จักในนามของเห็ดจวักงู นอกจากนี้ยังได้มีการวิจัยศึกษาว่า เห็ดชนิดนี้สามารถลดคลดเรสเตอรอลในเส้นเลือดได้จากการที่ชาวจีนส่วนใหญ่เชื่อว่า เห็ดหลินจือนี้เป็นยาอายุวัฒนะทำให้ผู้บริโภคมีอายุยืนยาวจึงเรียกชื่อเห็ดชนิดนี้ว่าเห็ดหลินจือ ซึ่งคนไทยเรียกว่า เห็ดหมื่นปีเพื่อให้มีความหมายสอดคล้องกับคุณสมบัติของเห็ด
เห็ดหลินจือมีอยู่หลายชนิดมากมายด้วยกันมีทั้งที่เป็นยาและมีทั้งที่พิษ แต่ที่สุดยอดของ เห็ดหลินจือมีทั้งหมด 6 สายพันธุ์ ได้แก่ เห็ดหลินจือ รูอี กิมซัง นกยูงรำแพน ปอด สมอง หัวใจ แต่ละเห็ดมีคุณสมบัติในการรักษาที่ต่างกัน
–
เห็ดหลินจือ สรรพคุณทางยาของเห็ดหลินจือ รากและดอก
เห็ดหลินจือ เห็ดหลินจือ มีสารสำคัญเช่น Polysacchaarides, Triterpenoids, Germanium, Ganoderic Essence, วิตามินและแร่ธาตุ เป็นต้น ซึ่งช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค ต้านมะเร็ง บำรุงตับ บำรุงสมองและระบบประสาท ปรับสภาวะสมดุลย์ให้แก่ร่างกาย เหมาะสำหรับ บำรุงร่างกาย เนื่องจากมีความปลอดภัยสูงเห็ดหลืนจือ ประกอบด้วยสารที่มีผลต่อการบำบัดโรคหลายชนิด แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ สารประเภทที่ละลายน้ำ 30% สารละลายอินทรีย์ 65% และสารระเหย 5% หากใช้วิธีต้มในการรับประทานสารจะทำให้ตัวยาน้อยมากแทบจะไม่มีผลอะไรซึ่งต่างกับแบบสกัดเย็นทำให้ได้ตัวยามากถึง100%
สารสำคัญในเห็ดหลินจือ
ในที่นี้จะขอกล่าวถึงสารสำคัญในเห็ดหลินจือ โดยจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ สารสำคัญในดอกเห็ดหลินจือ และ สารสำคัญในรากเห็ดหลินจือ
สารสำคัญ ดอกเห็ดหลินจือ (Ganoderma Lucidum)
โพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharides)
เป็นสารที่มีโครงสร้างโมเลกุลที่สับซ้อน สามารถละลายในน้ำได้ สารโพลีซัคคารไรด์เป็นสารสำคัญในเห็ดหลินจือที่จะช่วยเสริมสร้างการทำงานของร่างกายกล่าว คือ กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ต้านมะเร็ง ป้องกันการลุกลามของเซลล์มะเร็ง ช่วยปรับปรุงการทำงานของตับอ่อน ปรับระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยขจัดสารพิษ แต่เนื่องจาก Polysaccharides มีโครงสร้างที่สับซ้อนบางท่านอาจจะย่อยยากจึงควรรับประทานวิตามินซี หรืออาหารที่มีวิตามินซีสูง เพื่อช่วยในการดูซึมสาร Polysaccharides เข้าสู่ร่างกาย
เยอร์มาเนียม (Germanium)
เป็นสารที่สามารถละลายในน้ำได้ เรารู้จักเยอร์มาเนียมกันดีในว่าเป็นสารสำคัญของโสม ที่ช่วยบำรุงร่างกายและรักษามะเร็ง เยอร์มาเนียมที่อยู่ในโสมมีประมาณ 250-320 ppm (ppm คือ 1 ต่อ 1 ล้านส่วน) และเยอร์มาเนียมมีอยู่ในสมุนไพรพื้นบ้านอย่างกระเทียมอยู่ 750 ppm ซึ่งมากกว่าโสม ส่วนในดอกเห็ดหลินจือมีเยอร์มาเนียมมากถึง 800 – 2,000 ppm และในรากเห็ดหลินจือมีเยอร์มาเนียมมากกว่าดอกเห็ดหลินจืออยู่ถึง 4 เท่าคือมีปริมาณเยอร์มาเนียนมากถึง 6,000 ppm สารเยอร์มาเนียมมีประโยชน์ต่อร่างกายดังนี้
- เพิ่มออกซิเจนในเลือด ทำให้เม็ดเลือดแดงดูดซับออกซิเจนได้มากขึ้น
- ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- บำรุงสมอง บำรุงประสาท
- รักษามะเร็ง
- ทำให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น
- กำจัดสารพิษ
ไตรเทอร์ปีนอยด์ (Triterpenoids)
- เป็นสารละลายอินทรีย์ มีรสขม
- บำรุงตับ รักษาตับ
- ต้านมะเร็ง
- ควบคุมระดับความดันโลหิต ให้ปกติ
- ควบคุมภูมิแพ้
- ลดคอเลสเตอรอล ปรับไขมันในร่างกายให้ปกติ
- เสริมสร้างระบบย่อยอาหารให้ดีขึ้น
- กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว
นิวคลีโอไทด์ (Nucleotides)
ชะลอการก่อตัวของเกร็ดเลือดและละลายลิ่มเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตันจากลิ่มเลือด และระบบประสาท
อาดีโนซีน (Adenosine)
เป็นสารละลายอินทรีย์ ลดคอเลสเตอรอลและไขมันในเลือด ปรับความแข็งแรงให้แก่เยื่อหุ้มเซล์เม็ดเลือดแดง เสริมสร้างฮอร์โมนในร่างกายให้แข็งแรงขึ้น
ช่วยในการขจัดสารพิษและสร้างสมดุลย์ให้แก่ร่างกาย
สารกาโนเดอริก (Ganoderic Essence)
ช่วยลดความดันโลหิต ลดไขมันในเส้นเลือดและ ป้องกันการอุดตันของไขมันภายในเส้นเลือด
อัลคาลอยด์ (Alkaloids)
เป็นสารตัวหนึ่งที่พบว่ามีฤทธิ์ในการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในหัวใจ ลดแรงต้านทานในผนังของเส้นเลือดหัวใจ ลดการใช้ออกซิเจนของกล้ามเนื้อหัวใจ และเพิ่มความทนทานต่อภาวะขาดออกซิเจนเป็นเวลานานได้
กรดโอเลอิก (Oleic acid)
เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวไม่มีสี มีสรรพคุณช่วยยับยั้งการหลั่งฮีสตามีน
โปรตีน Lz-8
ช่วยในการควบคุมโรคเบาหวาน ไวรัสตับบี ช่วยปรับระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานปกติ
กรดอะมิโนจำเป็น (Essential amino acids)
หลินจือจัดว่าเป็นโปรตีนชนิดสมบูรณ์ เพราะมีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน จากการตรวจสอบปริมาณและอัตราส่วนของกรดอะมิโนชนิดต่าง ๆ จากสารสกัดหลินจือโดยสถาบันวิจัยโครงสร้างแห่งชาติของจีน พบว่ามีคุณสมบัติและมาตรฐานใกล้เคียงกับโปรตีนชนิดสมบูรณ์ที่กำหนดโดยองค์การอาหารและการเกษตร (FAO) และองค์การอนามัยโลกแห่งสหประชาชาติ (WHO)
สารสำคัญ รากเห็ดหลินจือ (Mycelium)
รากเห็ดหลินจือ (Mycelium) มีสเปคตรัมวิตามินและแร่ธาตุที่ครบถ้วน และมีส่วนประกอบของโพลีแซคคาไรด์และสารเยอร์มาเนียม มากกว่าในดอกเห็ดหลินจือ (Ganoderma Lucidum) จำนวน 4 เท่า ดังที่กล่าวมาแล้วในข้างต้น ปริมาณเยอร์มาเนียมที่อยู่ในรากเห็ดหลินจือมีมากถึง 6,000 ppm
สเปคตรัมวิตามินและแร่ธาตุที่ครบถ้วน
โพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharide)
กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ต้านมะเร็ง ป้องกันการลุกลามของเซลล์มะเร็ง ปรับปรุงการทำงานของตับอ่อน ปรับระดับน้ำตาลในเลือด ขจัดสารพิษ
เยอร์มาเนียม (Germanium)
เพิ่มออกซิเจนในเลือด ทำให้เม็ดเลือดแดงดูดซับออกซิเจนได้มากขึ้น บำรุงสมอง บำรุงระบบประสาท ทำให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย รักษามะเร็ง และกำจัดสารพิษ
เนื่องจากในรากของเห็ดหลินจือมีปริมาณของสารโพลีแซคคาไรด์และเยอร์มาเนียม ปริมาณที่สูงมากจึงสามารถป้องกันโรค stroke หรือที่ภาษาไทยเรียกว่าอัมพาตได้
บริษัทแด๊กซิน ของคนไทย ต้นตำหรับเห็ดหลินจือสกัด รากและดอก 6 สายพันธุ์ เจ้าแรกของเมืองไทย
วิธีสกัดตัวยาเข้มข้นเห็ดหลินจือแด๊กซิน (ที่ไม่เหมือนใคร)
- 1. การทำให้แห้ง ( Dehydration) เทคนิคนี้จะแช่เห็ดให้เย็นจนแข็งโดยเร็ว โดยใช้ระบบสูญญากาศ สกัดเย็น ที่อุณหภูมิต่ำโดยใช้เห็ดหลินจือสด 5 กิโลกรัม แล้วทำให้แห้ง โดยใช้เทคนิคนี้ให้ได้เห็ดหลินจือแห้ง 1 กิโลกรัม ทำให้ได้ความเข้มขันสูง 4 เท่า กว่าทั่วไป
- 2. การแยกเส้นใย ( Fibre Separation ) เทคนิคนี้จะคัดแยกเส้นใย ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ผลการรักษาโรคน้อยที่สุดออกไปจากเนื้อเห็ดหลินจือชนิดแห้ง ด้วยการใช้เทคนิคพิเศษที่บริษัทได้พัฒนาขึ้นเองโดยทำให้เนื้อเห็ดหลินจือสด 5 กิโลกรัม เหลือเพียง 1 กิโลกรัม จะได้ความเข้มข้นที่สูงในการรักษา
- 3.การเพิ่มคุณภาพในการรักษาโดยการฉายแสงอัลตราไวโอเลต (Utra-Violet) การฉายรังสีอัลตราไวโอเลต ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในทางยารักษาโรคแก่เห็ดหลินจือได้ดี
- 4. การทำให้เป็นผงละเอียด เทคนิคนี้ทำโดยบดเปลือกแข็งของสปอร์(Spore)ให้แหลกละเอียดเป็นผง ทำให้สามารถรักษาคุณภาพของตัวยาทั้งหมดได้ทั้งตลอดของกระบวนการ
เทคนิคพิเศษเฉพาะการได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือแด๊กซิน
- 1. วิธีแยกสปอร์ ใช้สปอร์ในการเพาะพันธุ์เพื่อเพิ่มผลผลิต
- 2. วิธีการเพาะเนื้อเยื้อ เป็นการเพาะพันธ์เพื่อให้ได้เพิ่มผลผลิตเพิ่ม โดยลักษณะที่ได้จะเหมือนกับแม่พันธ์ทุกประการ ทำให้สามารถควบคุมพันธุ์ใหมีคุณภาพสูงได้จึงได้ใช้เทคนิคเฉพาะนี้เอง ในการเพาะและขยายพันธุ์ เพื่อให้ได้ผลิตผลที่มีคุณภาพสูง
- 3. วิธีการเพาะปลูกแบบธรรมชาติ เทคนิคนี้ทำโดย การเตรียมแปลงปลูกตามแบบธรรมชาติ 100% ไม่มีการใช้ปุ๋ยเคมี,ยาฆ่าแมลง,ฮอร์โมน และสิ่งอื่นๆที่เป็นสารเคมีทุกชนิด พบว่าการเพาะปลูกโดยวิธีนี้จะให้ผลผลิตที่มีคุณค่าอาหารสูง หากใช้แปลงนาข้าวผงสีน้ำตาลเป็นแปลงเพาะปลูก
ประสบการณ์การวิจัยและพัฒนาเห็ดหลินจือ
- 1. พบว่าเห็ดหลินจือชนิดสีแดง (Reishi Ganoมีประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษาโรค
- 2. มีอีกหลายสายพันธุ์ที่ได้รับการพัฒนามาจากเห็ดหลินจือสีแดง ซึ่งเห็ดหลินจือชนิดสีแดงจะเป็นต้นตระกูล ของเห็ดหลินจืออีกหลายๆสานพันธ์ุ
- 3. พบว่ามีเห็ดหลินจืออีกมากมาย 200 สายพันธุ์ ที่มาจากตระกูลเห็ดหลินจือสีแดง
- 4. มีเห็ดหลินจือชนิดสีแดง 6 สายพันธุ์ ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษาโรค